Anonymous Governing Scheme in Nationalism เมื่อคนข้างบ้านไม่รู้ว่าฉันเป็นนายก

Nutchanon Ninyawee
2 min readJul 17, 2019

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า นายกรัฐมนตรี อาจเป็นใครก็ได้ อาจเป็นแฟนของคุณ อาจเป็นป้าที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างบ้าน อาจเป็นลูกชายคุณก็เป็นได้ นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใครที่อยู่ในประเทศกันแน่ พร้อมๆกันนั้นนานาประเทศก็ไม่รู้เช่นกัน รู้แค่ว่าเป็นคนๆหนึ่งในประเทศ

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า เจ้าของหรือเถ้าแก่บริษัท คือ พนักงานคนไหนก็ได้ในบริษัท อาจเป็นคุณลุงทำความสะอาดห้องน้ำ อาจเป็นเพื่อนร่วมงานที่นั่งข้างๆคุณ เถ้าแก่ปฏิบัติหน้าที่โดยที่ไม่มีพนักงานบริษัทรู้เลยว่าเขาเป็นใครที่อยู่ในบริษัทกันแน่ พร้อมๆกันบริษัทคู่แข่งและพันธมิตรก็ไม่รู้เช่นกัน

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า คุณไม่รู้ หัวหน้าพรรคการเมือง X คือใคร คุณรู้แค่ว่าเขาผ่านคุณสมบัติผู้สมัครทุกประการ แนวคิดของเขา, การกระทำในฐานะหัวพรรคที่ผ่านมา และการพัฒนาเมืองต้นแบบ คือสิ่งเดียวที่คุณรู้จัก ใบหน้า น้ำเสียง ภูมิหลัง คุณไม่รู้จักเขาสักอย่าง คุณจะเลือกเขาได้ไหม

Is it even possible to have such a national representative in incognito? —modified image used for communicating this speculative idea only

ฟังดูเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมครับ อย่างน้อยก็ในโลกปัจจุบันที่สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ในการเป็นหัวหน้าคือความจริงใจ ใครจะเชื่อใจคนที่คุณไม่รู้จักได้ แต่เราไม่ได้อยู่ในปัจจุบันครับ นี่คืออนาคต เพราะนี่คือ The Ungrounded Episode 2: Anonymous Governing Scheme in Nationalism เมื่อคนข้างบ้านไม่รู้ว่าฉันเป็นนายก

การปกครองมนุษย์ด้วยกันเองนั้นจะสามารถทำได้ อย่างปิดบังตัวตน โดยพื้นฐานทางกายภาพแล้วทำไม่ได้แน่ๆ เพราะคนรอบข้างจะรู้ตัวคุณแน่ๆเวลาที่คุณหายตัวไปทำหน้าที่ คนเรานั้นไม่สามารถแยกร่าง อยู่สองที่ ทำสองอย่างในเวลาเดียวกันได้ แต่ในโลกยุคดิจจิตัลที่บุคคลทางกายภาพสามารถมีหลายตัวตนทางดิจจิตัล และสามารถทำงานพร้อมกันได้ อย่างง่ายดาย หรืออนาคตอันใกล้เราอาจใช้หุ่นยนต์แบบ Surrogates หรือแบบไอรอนแมนเพื่อพบปะในฐานะตัวแทนแบบปิดบังตัวบุคคลก็ได้ เป็นไปได้แน่นอนแนวทางนี้ แม้ในปัจจุบันยังไม่ใช่เรื่องที่ทำได้สะดวกนัก

A Slide from Yuval Noah Harari on ‘The Bright Side of Nationalism’

ไอเดียเรื่อง Anonymous(จากประชาชน) กับ คนแปลกหน้า(Stranger เช่น เจ้าหน้าที่รัฐ) มีความคล้ายคลีึงกันมาก และประสานกลมเกลียวกันทางหลักการ อย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงอย่างลึกซึ้งกับรูปแบบการปกครองชาตินิยม(Nationalism)

รูปแบบการปกครองชาตินิยม(Nationalism)ซึ่งเป็นที่นิยมและใช้งานทั่วโลก(โปรดอย่างสับสนกับ Fascism)โดยพื้นฐานแล้ว การปกครองชาตินิยมก็อาศัยการเชื่อในบุคคลแปลกหน้าอยู่แล้ว

สำหรับคนที่สนใจความหมายของชาตินิยมเพิ่มเติม ชาตินิยมมีสองระดับ แบบง่ายคือการที่เรารักคนแบบตัวเองมากกว่าคนต่างชาติ แบบยากและสำคัญกว่าคือการให้ความสำคัญกับคนแปลกหน้ามากกว่าครอบครัวและเพื่อนฝูง ซึ่งแบบที่สองนี้ก็สามารถมีได้หลายรูปหมายมุม อาทิเช่น

  • การให้คน(แปลกหน้า)ที่มีความสามารถสูงได้งานในกระทรวง ไม่ใช่ญาติพี่น้องที่ความสามารถกลางๆ เพราะประเทศชาติต้องการคนที่ดีที่สุดสำหรับงานนี้
  • การจ่ายภาษีเพื่อรักษาคน(แปลกหน้า)อื่นๆ แทนที่จะหนีภาษีเพื่อทุ่มเงินไปกับการรักษาแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง(รักแม่นะครับ แต่คนอื่นๆในประเทศก็ต้องการเงินนี้เพื่อไปรักษาเช่นกัน)
  • การให้การดูแลสนับสนุนคน(แปลกหน้า)ที่มีความคิดแตกต่าง มากกว่าเพื่อนฝูงที่คิดแบบเดียวกัน

ไม่ว่าคุณจะรู้ตัวหรือไม่ แต่ในโลกของชาตินิยมที่ทุกคนอาศัยอยู่ก็รายล้อมด้วยคนแปลกหน้าอยู่แล้ว ดังนั้น Anonymous Governing(การปกครองแบบไร้ชื่อ) จึงเป็นการอัพเกรดระบบชาตินิยมในทุกแง่มุม ที่สอดประสานได้อย่างกลมเกลี่ยวที่สุดก็ว่าได้

เหตุผลที่จะผลักดันระบบนี้ คือ คนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถแยกเรื่องส่วนบุคคลออกไปจากตัวตนผู้นำหรือเจ้าหน้าที่ตัวแทนได้ ทำให้การโจมตีตัวผู้นำหรือผู้แทนด้วยเรื่องส่วนตัว นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะในโลกยุค Online Social เช่น การวันทยาหัตถ์ของโอบามา หรือการไอของคลินตัน ที่แม้จะไร้สาระแต่ก็สามารถเผาทำลายเวลา และความสนใจของผู้นำและผู้เกี่ยวข้องได้มากมายทั้งๆที่สิ่งที่ควรทำ คือ การวิเคราะห์แนวทางนโยบายของผู้นำ การให้ความสำคัญ ของผู้นำ ใช้ข้อมูล ใช้องค์ความรู้มาแก้ปัญหา และหาทางออกต่อสถานการณ์ อนาคตและ ความมั่นคงในระยะยาว มากกว่าการโจมตีจุดอ่อนข้อด้อยผู้นำด้วยเรื่องส่วนตัว ในปัจจุบันเราสามารถโจมตีคนอื่นที่เป็นตัวบุคคลได้ไม่รู้จบ ข้อมูลอดีต ข้อมูลส่วนตัวออนไลน์ ทั้งเรื่องด้วยหลักฐาน และการกล่าวอ้างที่ไม่มีหลักฐาน สุดท้ายก็เป็นผลเสียของชาติและองค์กรเอง

สำคัญไม่แพ้กันคือ การไม่มีความแตกต่างของตัวจริงกับตัวปลอม เทคโนโลยี AI ทำให้เราสามารถปลอมแปลงเป็นใครก็ได้อย่างแนบเนียน ไม่มีประโยชน์อีกแล้วกับการใช้บุคคลจริงๆ มีแต่โทษ

ตัวอย่างความสามารถในการปลอมแปลงของบุคคลในปัจจุบัน

ท้ายที่สุดในอนาคตดันใกล้ คุณก็จะต้องตั้งคำถามว่า

คุณจะรู้จักผู้นำหรือตัวแทนในทางส่วนตัวไปทำไม? เมื่อมันไม่ได้เกี่ยวกับงานเลย

What Await อะไรรออยู่?

พฤติกรรม ความแปลกใหม่ มากมายรอเราอยู่ในอีก ณ สุดข้างแห่งนี้ อันได้แก่

สนใจความสามารถ คุณลักษณะ และแนวคิดมากกว่า เรื่องส่วนตัว

เมื่อเราไม่รู้จักผู้นำว่าเขาเป็นญาติ หรือเพื่อนเรา ก็เหลือแค่การตัดสินเขาจากความสามารถ คุณลักษณะ และแนวคิดเท่านั้น ตัดความลำเอียงไปได้อีกมาก

ปฏิบัติอย่างเท่าเทียม

เมื่อเราไม่รู้จักผู้นำว่าเถ้าแก่บริษัท คือ พนักงานคนไหน เราก็ต้องทำกับทุกคนอย่างมืออาชีพ และมีมาตราฐานเดียว เพราะทุกคนคือหัวหน้า

ถ้าเราเป็นเถ้าแก่บริษัทที่ไม่มีใครรู้ เราก็จะถูกปฏิบัติเช่กเช่นพนักงานทั่วไป ทำให้เราเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆมากขึ้น

อนุญาติให้ผู้นำ ทำอะไรก็ได้

ก็ไม่ต่างจากราชวงค์ที่ปลอมตัวออกไปในเมือง คุณจะทำอะไรก็ได้ แต่งงานกับใครก็ได้ กินมุมหมามได้เท่าที่ต้องการ

การไม่ถูกเป็นเป้าการโจมตี

เมื่อเราไม่รู้จักผู้นำว่าเถ้าแก่บริษัท องค์กรก็ไม่สามารถถูกโจมตีจากทั้งภายในและภายนอกได้ การนินทา การลักพาตัวลูกสาว การสร้างข่าว ไปทำร้ายที่บ้าน ก็ทำไม่ได้

Gamify ทำให้การเป็นหัวหน้าเป็นเกม

หักก้านขนบธรรมเนียม ถ้าคุณให้เด็กหรือวัยรุ่นเป็นนายกได้ เพราะหลังจากที่เราใช้ระบบนี้มา 100 ปี เราลืมไปแล้วทำไมเราถึงให้เด็กหรือวัยรุ่นเป็นไม่ได้ ถ้าเขามีความสามารถเพียงพอ

เปลี่ยนผู้นำได้รวดเร็ว

แต่เดิมการปรับเปลี่ยน ต้องแจ้งให้ทุกคนรับทราบให้ผู้ถือหุ้นรับทราบ ต่อไปก็ไม่ต้องแจ้งเปลี่ยนได้ทุกชั่วโมงกันเลยทีเดียว

เปลี่ยนวิธีคิดที่ฝัง DNA

โลกหลังจากนี้ 1000 ปี คงจะเป็น Goal Oriented มากๆ ในเมื่อทุกคนไม่นับพ่อแม่พี่น้องญาติเพื่อน แต่มองประโยชน์ขององค์กรเป็นหลัก

เรื่องปวดหัว ของแนวคิดนี้?

แน่นอนว่า ระบบนี้ก็มีข้อเสียพอสมควรเหมือนกัน และยังมีความท้าทาย

  • คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนขององค์กรคุณ
  • ระบบการยืนยันตัวตน ควรจะเป็นอย่างไรเพื่อใช้ยืนยันว่าผู้นั้นคือผู้แทนตัวจริง
  • เราจะตรวจสอบผู้แทนในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างไร
  • เราจะตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นได้อย่างไร ถ้าไม่มีใครรู้เลย

Inverse อีมอญซ่อนผ้า Protocal— DNA-Behaviral as Authenticator — Quantum Communication เป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะนำไปสู่การใช้งานในระดับโลก ก่อนที่เราจะสามารถเห็นโลกหลังประตูนี้ได้ ผมหวังว่านิทานเรื่องนี้จะทำให้คุณฝันดี ราตรีสวัสดิ์ เจอกัน 2200 ครับ

--

--