ความคิดแบบมะเร็ง — ในธุรกิจ ชีวิต และความสัมพันธ์
โรคมะเร็งเกิดจาก เซลล์มะเร็ง เซลล์ที่ไม่อยากตายทั้งๆที่ถึงเวลา ในทางเทคนิคคือเซลล์ที่ไม่ทำลายตัวเองนั้นเอง เมื่อการมีอยู่ของตัวเองมีโทษมากกว่าประโยชน์ เมื่อเป็นเช่นนี้นอกจากมันจะทำหน้าที่ปกติไม่ได้แล้วยังขัดขวางไม่ให้เซลล์ใหม่ๆมาใช้พื้นที่ และทรัพยากรอีกด้วย ทำให้โลกเราไม่เกิดการหมุนเวียนที่เหมาะสม สุดท้ายจะเกิดความเสียหายขนาดใหญ่เชิงระบบ
ไอเดียของการไม่ยอมตายนี้ พบเห็นได้ทั่วไปในชีวิต
- ผูกพันกับความทรงจำในอดีต
- เปลี่ยนมาทำหน้าที่หลักเป็นการต่อสู้กับโรค
- รักษาอำนาจ ความนิยม
- รักษาธุรกิจให้อยู่รอด
- ต่ออายุทรัพย์สินทางปัญญา
เพราะจริงๆแล้วนั้น
- เราต้องสร้างความทรงจำใหม่ๆ
- แม้ว่าจะมีโรค เราก็ควรทำหน้าที่ คำสัญญาให้มหาชน
- อำนาจมีไว้ใช้ ไม่ได้มีไว้รักษา
- ธุรกิจก็มีเพื่อนำเสนอทางเลือกให้สังคม ถ้ามันไม่ work ก็คือไม่ work ตายไปเถอะ
- ทรัพย์สินทางปัญญาควรให้โอกาสคนรุ่นหลังได้ต่อยอด
“แม่น้ำสายใดเป็นแม่น้ำตาย ไม่ไหล ไม่ถ่ายเทไปสู่ที่อื่น
หยุดนิ่ง ขังอยู่ที่เดียว แม่น้ำสายนั้นย่อมพลันตื้นเขิน
และสกปรกเน่าเหม็น เพราะสิ่งสกปรกลงมามิได้ถ่ายเท
นอกจากนี้บริเวณที่ใกล้แม่น้ำสายนั้น
จะหาพืชพันธุ์ธัญญาหารที่เขียวสดก็หายาก
แต่แม่น้ำสายใดไหลเอื่อยลงสู่ทะเลหรือแตกสาขาออกไป
ไหลเรื่อยไปไม่รู้จักหมดสิ้น คนทั้งหลายได้อาศัยอาบดื่ม
และใช้สอยตามปรารถนา มันจะใสสะอาดอยู่เสมอ
ไม่มีวันเหม็นเน่าหรือสกปรกได้เลย
พืชพันธุ์ธัญญาหาร ณ บริเวณใกล้เคียงก็เขียวสดสวยงาม”พุทธวจนะ โอวาทก่อนปรินิพพาน
ลองมาตามลำดับความคิดง่ายๆกัน
- การทำตัวเป็นมะเร็ง การไม่ยอมตาย ก็มีความหมายใกล้เคียงกับการไม่หมุนเวียน
- การไม่หมุนเวียน ก็เกิดจากการสะสมกักตุน
- การเปลี่ยนผ่าน หมุนเวียน การไม่สะสมกักตุน คือกุญแจ?
เมื่อลองมองออกในสังคมไปก็จะพบว่า การทำตัวเป็นมะเร็งและการสะสมกักตุนที่มากเกินไปต่างก็สร้างความเสียหายเชิงระบบ โลกเราเต็มไปด้วยการกักตุน และผลลัพธ์ของมัน
- คุณนายซื้อเก็บที่ดินไว้
- กักตุน หน้ากาก แล้วแอลกอฮอล์ ของพ่อค้าช่วง covid
- การกักตุนบัตรงาน event
- ผูกขาดการทำ insulin
- กักตุนตำแหน่งผู้บริหารประเทศ องค์กร
ทำให้
- ที่ดินราคาแพงขึ้น คนรุ่นใหม่ ไม่มีตังซื้อทำธุรกิจตัวเอง
- เกิดการขาดแคลน เกิดต้นทุน ที่ใช้ความเป็นความตาย
- เสียเวลาทั้งคนกักตุน และคนซื้อต่อ
- เพิ่มต้นทุนของชีวิตให้คนที่มีโรค
- ประเทศ/องค์กร เดินหน้าด้วยความคิด ความเข้าใจที่ล้าหลัง
เพื่อใช้กำไรที่ได้
- เอาไปซื้อที่ อสังหาเพิ่ม คุณนายเอาเงินไปซื้อของฟุมเฟื่อย และลูกๆ
- เอาไปกักตุนเพิ่มหน้ากากเพิ่ม
- เอาเงินจ้างคนมาช่วยซื้อบัตรต่อ ทำเป็นระบบ
- ควบคุมตลาด
- รักษาอำนาจ และให้ผลประโยชน์กลุ่มตัวเอง
ความหมายที่แท้จริงของกำไรนั้นก็คือคำอธิษฐานของผู้ซื้อ ถ้าไม่มีคำอธิฐานก็ไม่ควรมีกำไร เมื่อไม่เข้าใจเรื่องนี้ กำไรคือการเฉือนเนื้อของผู้ซื้อด้วยความเต็มใจให้ผู้ขายพัฒนาและสร้างระบบที่ดีกว่านี้ ในขณะที่คนๆหนึ่งเช่นมนุษย์เงินเดือนเอากำไรน้อยเพียงเพื่อที่จะสามารถสร้างครอบครัวได้ อีกคนเช่น เจ้าสั่วกลับเอากำไรอย่างบ้าคลั่ง ดึงเงินออกจากชุมชนเรื่อยๆ กักตุนทุน กักตุนอำนาจแห่งการจ้าง กักตุนทิศทางของสังคม มนุษย์เงินเดือนคนนั้นก็คงไม่มีทางเลือกต้องหากำไรให้คนอื่นเฉือนเนื้อให้ มนุษย์เงินเดือนคนนั้นก็คงต้องเฉือนเนื้อของธรรมชาติให้ อนิจจา
อะไรที่ทำให้มนุษย์ทำตัวแบบนี้……………… ทุนนิยมครับ ดังที่ผมควรอธิบายไว้พอสมควรแล้วว่า มนุษย์ถูกสอนให้กักตุนโดยระบบ ถ้าไม่ช่วงชิงจากคนอื่นๆ ก็จะถูกคนอื่นช่วงชิง ไม่งั้นก็ต้องช่วงชิงธรรมชาติ มาปล่อยแลกเปลี่ยนกับมนุษย์ด้วยกัน
ถ้าเรายังเดินตามระบบอย่างมืดมนก็คงจะต้องจ่ายคืนธรรมชาติ และอนาคตของลูกหลานในราคาแพงแน่นอน
FAQ
แล้วเมื่อไรที่ควรจะตายล่ะ ใครตัดสิน
คุณเองก็รู้ มันคือการเหลือเวลาเพียงพอที่จะส่งต่อ แบ่งปัน และบอกลา ถ้าคุณไม่มีเวลาก็แปลว่า คุณเป็นมะเร็งของสังคม